นิ้วล็อก เป็นโรคที่พบได้บ่อยในคนทั่วไปที่ต้องใช้มือจับสิ่งของ หรืออุปกรณ์ต่างๆ อย่างต่อเนื่องบ่อยๆ โรคนี้ไม่มีอันตรายร้ายแรงใด ๆ เพียงแต่ทำให้รู้สึกเจ็บปวด และใช้มือไม่ถนัด แต่สามารถป้องกันและรักษาหายได้ อย่างไรก็ตาม ควรปรับพฤติกรรมการใช้นิ้วมือให้เหมาะสม ทั้งหลีกเลี่ยงการใช้นิ้วเกี่ยวของหนักๆ หรือลดระยะเวลาการเล่นสมาร์ตโฟนลง ก่อนเกิดอาการนิ้วล็อกหรือก่อนที่อาการของโรคจะดำเนินไปมากขึ้นกว่าเดิม

สาเหตุของอาการ “นิ้วล็อก”
อาการนิ้วล็อกเกิดจากการอักเสบของเส้นเอ็นและปลอกหุ้มเอ็นที่ใช้ในการงอข้อนิ้วมือ ซึ่งอยู่ตรงบริเวณโคนนิ้วมือทำให้เส้นเอ็นหนาตัวขึ้นและติดขัดในการเคลื่อนไหวขณะเหยียดนิ้วมือเมื่ออักเสบรุนแรงมากขึ้นจะเกิดปุ่มตรงเส้นเอ็นเวลางอนิ้วมือปุ่มจะอยู่นอกปลอกหุ้ม แต่ไม่สามารถเคลื่อนเข้าปลอกหุ้มเวลาเหยียดนิ้วมือกลับไปทำให้เกิดอาการนิ้วล็อกอยู่ในท่างอต้องออกแรงช่วยในการเหยียดจึงจะสามารถฝืนให้ปุ่มเคลื่อนที่ผ่านปลอกหุ้มเข้าไปได้
หากเป็นนิ้วล็อก ควรทำอย่างไร ?
เมื่อพบว่าเป็นโรคนิ้วล็อกผู้ป่วยควรได้รับการรักษาจากแพทย์อย่างจริงจังและควรปฏิบัติดังนี้
- ไม่ขยับนิ้วหรือดีดนิ้วที่เป็นนิ้วล็อกเล่นอาจทำให้เส้นเอ็นอักเสบมากขึ้นได้
- ถ้ามีอาการข้อผิดกำไม่ถนัดตอนเช้าควรแช่น้ำอุ่นจัดๆ และบริหารโดยการขยับมือกำแบเบา ๆ ในน้ำจะทำให้นิ้วมือเคลื่อนไหวได้คล่องขึ้น
- เมื่อต้องกำหรือจับสิ่งของแน่น ๆ เช่น ไม้กอล์ฟ ตะหลิวผัดกับข้าว ควรใช้ผ้าหรือฟองน้ำพันรอบ ๆ หรือใช้ถุงมือจับจะช่วยลดแรงกดหรือเสียดสีลง

การรักษาอาการนิ้วล็อก
- แพทย์จะให้การรักษาตามความรุนแรงของโรค ในระยะแรกอาจให้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์เพื่อบรรเทาปวดและลดการอักเสบ
- ทำกายภาพ-บำบัด
- ฉีดยาสเตียรอยด์เข้าไปที่เส้นเอ็นที่อักเสบ ซึ่งจะได้ผลดีเมื่อให้การรักษาตั้งแต่เริ่มมีอาการใหม่ ๆ
- ถ้าไม่ได้ผลอาจต้องรักษาด้วยการใช้เครื่องมือสะกิดส่วนของพังผืดที่หนาตัวออกไป (โดยการฉีดยาชาเฉพาะที่ไม่ต้องเข้าห้องผ่าตัดจะมีแผลเป็นรูเล็กๆตรงตำแหน่งที่เจาะ)
- ถ้ายังไม่ได้ผลอาจต้องทำการผ่าตัดแก้ไขต่อไป